A : เริ่มต้นด้วยการเข้ามาปรึกษากับคุณหมอจัดฟันที่โคลอนพีได้เลยครับ เพื่อวิเคราะปัญหาและแนวทางแก้ไข ทราบขั้นตอนในส่วนของการเคลียร์ช่องปาก ขูด อุด ถอน เพราะในแต่ละเคสมีความแตกต่างกันไปครับ ที่โคลอนพีเรามีคุณหมอจัดฟันอยู่ทุกวันครับ
A : ที่ โคลอนพี เราเน้นเรื่องความปลอดภัย และความแม่นยำ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาช่วย ทั้งx-rays CT/เคร่องสแกน3มิติ itero element2/กล้องดิจิตอลภายในช่องปาก เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไขอย่างแม่นยำที่สุด อีกทั้งคนไข้สามารถทราบผลการรักษาล่วงหน้า ก่อนตัดสินใจเริ่มต้นรับการรักษาอีกด้วย และคุณหมอจัดฟันที่โคลอนพีมีประสบการณ์จัดฟันถึง10ปี จัดมาแล้วกว่า1000เคส
A : จริง และไม่จริง เพราะการจัดฟันในแต่ละเคสไม่เหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงที่จะได้รับก็ต่างกันไปด้วย ผลที่คนไข้แต่ละคนจะได้รับมีทั้งดีขึ้นมากและน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำปรึกษาหมอจัดฟันเพื่อประเมินผลการรักษาได้เลยครับ
A : ส่วนใหญ่ฟันที่ต้องรักษาคลองรากฟันมักมีอาการปวดขึ้นมาเอง เคี้ยวเจ็บ มีตุ่มหนองบริเวณเหงือก หรืออาจจะไม่มีอาการไดๆข้างต้นเลยก็ได้ การตรวจฟันทุก6เดือนดีที่สุดครับ เพื่อที่ฟันเราจะได้ไม่ผุลุกลามไปจนมีอาการปวด
A : การหาหมอฟันอย่างน้อยปีละ2ครั้ง ทำให้เราสามารถตรวจพบปัญหาที่เล็กๆได้ และสามารถแก้สิ่งนั้นได้ทันท่วงที เช่น ฟันผุเล็กๆ หินปูนน้อยๆ ทำให้การรักษานั้นๆไม่ค่อยมีความเจ็บปวด คนไข้จะรู้สึกสบาย แต่ถ้ายิ่งปล่อยทิ้งไว้นาน เป็นการอุดฟันใหญ่ๆ หินปูนมากๆที่หมอต้องใช้แรงเยอะๆในการขูด คนไข้จะยิ่งมีความรู้สึกเจ็บและอาจจะกลัวการทำฟันไปเลย
A : เลือกคุณหมอที่มีใบอนุยาตประกอบโรคศิลป อยู่ในสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุยาต มาตรฐาน จากสสจ มีความสะอาด นอกจากนั้นก็พิจารณาเรื่องความสะดวก สถานที่จอดรถ ความพึงพอใจของคนไข้เองได้เลยครับ
การดูแล และการปฏิบัติต่างๆ หลังการทำรากฟันเทียมทั้งปาก All on X
1.หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะทำการเตรียมผ้าก๊อซให้เรากัด
ให้คนไข้กัดผ้าก๊อซ นิ่งๆ แน่นๆ กัดผ้า กลืนน้ำลาย ไม่ให้พูดหรือบ้วนน้ำลาย
โดยการบวนการหายของแผลในช่องปาก
จะมีการสร้างลิ่มเลือดมาปิดแผล
ซึ่งลิ่มเลือดนี้จะเป็นตัวตั้งต้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในอนาคต
หลีกเลี่ยงการบ้วนน้ำแรงๆ
โดยเฉพาะ24ชั่วโมงแรก ถ้าเราบ้วนน้ำลาย หรือพูด
อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดและลิ่มเลือดหลุดไป จะทำให้เกิดผลซับซ้อนตามมา
2.หลังจากกัดผ้าก๊อซครบ 1 ชมแล้ว ให้เอาผ้าก๊อซออก
ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ให้เอาผ้าก๊อซที่เตรียมไว้สำรอง กัดซ้ำอีก 1 ชม หรือกัดจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
(ลักษณะของเลือดที่ไหลไม่หยุดและมีปัญหาคือ
เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ตลอดเวลา
แต่ถ้าเลือดซึมๆหรือปนน้ำลายสามารถหยุดโดยการกัดผ้าก๊อซ)
3.ห้ามเอานิ้ว ไม้จิ้มฟัน แคะบริเวณแผล และห้ามดูดแผลเล่น
3.เมื่อยาชาหมดฤทธิ์อาจมีอาการกรามตึง เปิดปากลำบาก และมีความเจ็บปวดบ้าง
ให้ทานยาแก้ปวดร่วมกับการประคบเย็น 72 ชั่วโมงและประคบอุ่นในวันต่อมา
3.รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง โดยทั่วไป ยาแก้ปวดจะทานเมื่อมีอาการปวด
เท่านั้น ส่วนบางกรณีที่แพทย์จ่ายยาปฏิชีวนะ ต้องทานให้ครบ
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น จากวันละ 8-10 แก้ว เป็น 12 แก้วขึ้นไป
ต่อวันและเน้นกินอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารร้อน เผ็ด หรือรสจัดที่อาจจะระคายเคืองแผล
หลังผ่าตัดวันแรกๆอาจเริ่่มต้นด้วยอาหารนิ่มๆอุ่นๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ลวก ซุปหรือสมูตตี้
4.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือลดจำนวนบุหรี่ที่สูบ
5.ใช้น้ำเกลืออุ่นๆ ล้างแผลอย่างนน้อยวันละ 4-5 ครั้งต่อวัน หลังมื้ออาหาร
หลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์
6.ทำงานประจำวันได้ แต่อย่าออกกำลังกายเกินควร หากมีเลือดออกเมื่อทำกิจกรรมก็ควรที่จะหยุดทำโดยทันที
7.กลับมาตัดไหม
7วัน ตามที่แพทย์กำหนด
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
·
บวม
·
อาการบวมหลังการทำศัลยกรรมในช่องปากเป็นเรื่องปกติ
·
อาการบวมจะมากที่สุดในสามวันแรกและจะค่อยๆลดลง
·
สามารถลดอาการบวมได้โดยการประคบเย็น
72 ชั่วโมงแรก (ประคบ 15 นาที เว้น 15 นาที)
·
กรณีมีการผ่าตัดไซนัสร่วมด้วย
·
อาจมีเลือดออกทางจมูกในช่วงสามวันแรก
ให้ซับเบาๆ
·
ห้ามสั่งน้ำมูก
ดูดหลอด เป่า หรือกระทำสิ่งที่เกิดแรงดันในช่องจมูก
·
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
ถ้ามีอาการดังกล่าวให้ติดต่อพบแพทย์ทันที
·
เลือดไม่หยุดไหล
โดยเลือดเลือดที่ไหลเป็นเลือดสดๆ
ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถคุมโดยการกัดผ้าก๊อซได้
·
อาการปวดอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด
·
อาการบวมมากขึ้นเรื่อยๆ
·
มีไข้
เจ็บคออย่างไรแรง
·
มีผื่น
หายใจติดขัด